วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ทำไมจึงปวดท้องเวลามีประจำเดือน

การมีประจำเดือนเป็นธรรมชาติของสตรีเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จากการศึกษาของศิริราช เมื่อ 4 - 5 ปีที่ผ่าน
มา พบว่าอายุเฉลี่ยของการมีประจำเดือนครั้งแรกของเด็กผู้หญิงไทยประมาณ 12 ปี7 เดือน เด็กผู้หญิงทางภาคเหนือ
มีอายุเฉลี่ยของการมีประจำเดือนเร็วกว่าภาคอื่น ๆ ส่วนเด็กภาคใต้มีอายุเฉลี่ยของการมีประจำเดือนช้ากว่าภาคอื่น ๆ
เมื่อเริ่มมีประจำเดือนผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือน บางคนจึงคิดว่าอาการปวด
ประจำเดือนนั้นเป็นสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นระหว่างการมีประจำเดือน ถ้าคิดแบบนี้ก็คงจะใช้ได้กับคนที่มีอาการปวด
ประจำเดือนไม่มาก คือ ปวดพอรู้สึกรำคาญ ไม่ต้องรับประทานยาอาการก็หายไปเอง อาการปวดประจำเดือนนี้ส่วน
ใหญ่จะเริ่มตั้งแต่วันที่1-2 ของการมีประจำเดือน และจะหายไปภายใน 1-2 วัน แต่มีผู้หญิงบางรายที่มีอาการปวดท้อง
มากขณะมีประจำเดือนทุกครั้ง จะต้องรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล 2 เม็ด อาการจึงทุเลา ซึ่งลักษณะ
การปวดประจำเดือนทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมาแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดได้ในผู้หญิง เป็นอาการปวดประจำเดือนที่ไม่รู้
สาเหตุ แต่ส่วนใหญ่เมื่อแต่งงานแล้วอาการจะหายไป
พวงชมพูเป็นผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องมากเวลามีประจำเดือน อาการปวดท้องนี้เริ่มเป็นตั้งแต่
อายุ20 ปี ตอนแรก ๆ ก็ปวดพอทนไหวแต่ต่อมามีอาการปวดมากขึ้นต้องรับประทานพาราเซตามอล 2 เม็ด ในวันแรก
ของประจำเดือนอาการจึงจะดีขึ้น และต่อมาต้องเพิ่มการรับประทานยาพาราเซตามอลเป็นครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง
ในวันที่1-2 ของการมีประจำเดือน ใน 1 ปีที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกยาแก้ปวดไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้เธอจึงต้อง
ไปพบแพทย์ที่คลินิกทุกครั้งที่มีประจำเดือน เมื่อแพทย์ฉีดยาแก้ปวดให้อาการปวดจึงดีขึ้นบ้าง ขณะนี้อายุได้30 ปีเธอ
มีความกังวลใจมากเพราะระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เธอปวดท้องมากจนต้องหยุดงานทุกครั้งที่มีประจำเดือน บางทีมี
อาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมด้วย ต้องรับประทานยาแก้ปวดที่แพทย์ให้มาแล้วนอนพักผ่อนหลังจากตื่นขึ้นมาอาการ
จึงจะทุเลา
เมื่อเธอมาปรึกษาแพทย์ ๆ แนะนำให้ตรวจภายใน เพราะอาการไม่ใช่การปวดท้องธรรมดา น่าจะมีสาเหตุซึ่ง
แพทย์พบเสมอคือเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ เช่น เยื่อบุมดลูกไปอยู่ที่ในอุ้งเชิงกราน รังไข่ หรือแทรกเข้าไปในเนื้อมดลูก เป็น
ต้น จากการตรวจภายในพบว่ามีก้อนที่บริเวณรังไข่ ลักษณะเป็นถุงน้ำขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร แพทย์จึงแนะนำ
ให้ทำผ่าตัด เธอกลัวมากกว่าจะต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง แพทย์จึงอธิบายให้ฟังอยู่นานจนเข้าใจว่าก่อนอื่นแพทย์จะต้อง
พยายามทำผ่าตัดโดยเก็บมดลูกและรังไข่ไว้เพื่อให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ในอนาคต การมีเยื่อบุมดลูกผิดที่เป็นสาเหตุหนึ่ง
ซึ่งทำให้มีบุตรยาก แต่ถ้าตั้งครรภ์ได้เยื่อบุมดลูกที่อยู่ผิดที่นี้จะสลายตัวไป ในระหว่างการตั้งครรภ์ดังนั้นหลังจากมีบุตร
แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
การมีเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่นั้น หญิงบางรายเป็นมากแต่ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย ส่วนบางรายเป็นไม่มาก
กลับมีอาการปวดท้องมาก ในรายที่เป็นไม่มากแพทย์อาจจะรักษาด้วยการให้ยา เช่น ยาพ่นจมูก ยารับประทานหรือยา
ฉีด แต่การใช้ยาเหล่านี้มักมีปัญหาคือยาค่อนข้างแพทย์และผลการรักษาไม่แน่นอน บางรายอาจกลับมาเป็นอีก
หลังจากหยุดยา
คุณพวงคราม ซึ่งเป็นคุณแม่ของคุณพวงชมพู สงสัยเกี่ยวกับ อาการเจ็บป่วยของบุตรสาว อยากทราบว่าเกิด
เยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่มีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ปัญหานี้คงตอบได้ยากเพราะยังไม่รู้สาเหตุที่
แท้จริง แต่เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มี2 ประการ คือ
1. เป็นมาแต่กำเนิด จากสาเหตุใดไม่ทราบทำให้มีเนื้อเยื่อคล้ายเยื่อบุมดลูกไปอยู่ในรังไข่ ๆ จึงโตเป็นถุงน้ำที่
เรียกว่า ช็อคโกแลตซีส ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถ้าแพทย์ตรวจพบซีสที่รังไข่โตเกิน 6 เซนติเมตร จะแนะนำให้ทำผ่าตัด
2. เกิดจากการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือนเข้าในช่องท้อง โดยไหลผ่านท่อนำไข่เข้าไป ซึ่งพิสูจน์ได้
โดยมักพบโรคนี้ในสตรีที่เคยมีบุตรแล้ว เพราะในเลือดประจำเดือนจะมีส่วนของเยื่อบุมดลูกลอกหลุดออกมาปนอยู่
ด้วย ดังนั้นเมื่อเลือดไหลเข้าในช่องท้องจึงมีส่วนของเยื่อบุมดลูกหลุดเข้าไปฝังตัวได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น